คู่มือ3วันแรก

เนื่องด้วย.............ไม่อธิบายละทำตามละกัน

เซิฟเปิดเทียงตรง

1. สร้างตัว ทำเควสเข้าสำนัก ทำเควสเนื้อเรื่อง ลงดัน รับหมอดู

2. ทำเควสให้ EXP ถึง150เป็นอย่างต่ำ ก่อนเวลา 19.00น

3. หาคู่ในพรรคในสำนัก รับเควสสอดแนม +10% ค่าปรือ จับคู่ตั้งธงในจุดที่ใกล้รับสอดแนมเพราะสอดแนมอยู่ตั้งธง ตีกันไม่ได้ พลัดกันตีชนะ5แพ้5เอาบัพ ตั้งดูหมอเอาบัพ กินยา250%

ไม่มีVIP เด้ง 260*250% =650    650+10%= 715  715+15%=822

ยาเด้ง120วิ1ครั้ง ยาอยู่1ชม เด้ง 30ครั้ง 822*30 ได้ 24460 ต่อ1เม็ดต่อ1ชมกิน 4 เม็ดในวันแรกจะได้ค่าฝึกฝนเกิน1แสนพอที่จะรำได้100%

*****สำคัญต้องทำทุกอย่างก่อน 23.00 แล้วมารวมรำ*****

สถานที่ฝึกปราณ ฝึกยังไงให้เร็ว

สถานที่ฝึกปราณ เราคงรู้กันอยู่แล้วเนืองจากเควสพาเราไปยังสถานที่ฝึก แต่การฝึกสกิลโจมตี สกิลบัฟ ถ้าเรารู้ว่าฝึกที่ไหนเราจะได้ถึง 20เปอ เหมาะสำหรับปล่อยฝึกออฟไลน์

ผมยกตัวอย่างสกิล กลืนกิน จะเห็นได้ว่าที่ผมวงกลมไว้ เป็นรูปพระจันทร์ นั่นคือสัญลักษณ์ของ หยิน


ที่นี้เรามาดูตารางธาตุ จะเห็นได้ว่าสกิล หยิน เหมาะกับ ถ่ำ ซึ่งได้ถึง 20เปอ ส่วนภูเขาและน้ำจะได้แค่ 10เปอ


เรามาดูกันว่ามันต่างจริงไหม โดยผมกดฝึกวิชาที่ถ้ำแล้วไปฝึกวิชาที่น้ำ ท่านจะสังเกตุเห็นว่าตรงแผนการหรือexpสกิลยังเท่ากันอยู่ไม่ได้เปิดค้างไว้แต่ส่วนที่ต่างกันคือเวลา





เมื่อเห็นดังนี้แล้วใครที่ปล่อยตัวฝึกสกิลที่เดียวกับฝึกปราณซึ่งเป็น น้ำ แน่นอนท่านจะได้แค่ 10เปอเท่านั้น
ส่วนนี้เป็นสถานที่ฝึกต่างๆในยุทธภพ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

เริ่มจากเราต้องรู้ก่อนว่าสกิลเราเป็นธาตุแบบไหน

จากซ้ายมาขวา สีน้ำตาล = แข็ง , สีฟ้า = อ่อน , สีม่วง = หยิน , สีส้ม = หยาง , หยินหยาง = ไทชิ และ หยินอ่อน , หยางแข็ง



และนี่คือสถานที่ต่างๆ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักกับสำนักกันก่อน <เนื่องจาก google มันก็แปลไม่ออก>

Wudang = บู๊ติ๊ง , Emei = ง้อไบ้ , TangMen = ตระกูลถัง , Jimen Posthouse = ด่านจีหมิง , Jinling = จินหลิง
นักวิชาการ = หมู่ตึกบัณทิต , ยามโรยอล = องครักษ์เสือแพร





เขา






ข้อมูลโดย : http://ageofwushu.wi...ki/Sacred_sites

Build ตัวละครอย่างไรให้ได้แรง!!! Credit By เวป itinmod

9Yin Online Review: Build ตัวละครอย่างไรให้ได้แรง!!!
                ดีดี๊ดีเพื่อนๆชาวยุทธอีกครั้งนะคะวันนี้พบกับไกด์เกมส์เริ่ดๆของเราทีมงาน iTinMod อีกแล้วโดยวันนี้ทีมงานของเราจะมาถ่ายทอดเรื่องเจิดๆให้เพื่อนๆได้เรียนรู้ กันเช่นเคย เอาแบบไม่จุ๋มจิ๋ม วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องวิธีการสร้างตัวละครว่าต้องสร้างยังไงถึงจะเจิดเรา จะแยกแยะให้เป็นส่วนๆไปเลยว่าเพื่อนๆควรจะพิจารณาส่วนไหนบ้างเพื่อนๆจะได้ สามารถตรวจสอบตัวละครของตัวเองได้อย่างครบถ้วนและไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องใด เรื่องหนึ่งเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาชมกันเลยค่ะ
พิจารณาแนวทางของตนเองจาก....
1. ดูความสัมพันธ์ของปราณและวิชาหลักที่เราใช้

         สิ่งแรกเลยที่คุณจะต้องคำนึงถึงในการที่เราจะ Build ตัวละครของเราให้เทพนั่นก็คือความสัมพันธ์กันระหว่างวิชาหลักต่างๆที่เราใช้ และปราณที่เราใช้วิธีดูง่ายๆดั่งรูปด้านบนสัญลักษณ์ของวิชาที่เราใช้กับปราณ ควรจะตรงกัน หรือจะดูที่รายละเอียดด้านล่างก็ได้ว่าวิชาที่เราใช้มีประเภทเดียวกันกับ ปราณของเราหรือไม่จะได้รับเอฟเฟคพิเศษหรือเปล่าเพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะ เสียโบนัสการโจมตีไปถึง 20%

ในกรณีที่ปราณเราเป็น “สมดุล”(Taichi) ดังรูปด้านบนจะเพิ่มโบนัส 20% ให้กับสกิวที่เป็น“สมดุล” (Taichi) และ +16% โบนัสให้กับสกิวที่ประเภทอื่นๆที่เป็น Yin, Yang, Hard, Soft
นี่เป็นพื้นฐานแรกในการ Build ตัวละครของคุณให้เทพคือการเลือกใช้สกิววิชาโจมตีหลักๆ ให้เป็น “ประเภท” เดียวกันกับประเภทของปราณโดยคุณสามารถที่จะศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดได้ จากไกด์ที่เราได้ทำไว้ให้ก่อนหน้านี้ตามลิงค์นี้ค่ะ "รู้ซึ้งถึงแก่นชนิดของวิชา"
2. คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยในการผสมผสานสกิวและวิชาต่างๆเข้าด้วยกัน
         เราเข้าใจว่าคุณต้องการเล่นหลายๆวิชารวมกัน หรือบางคนอาจจะต้องการเป็นทุกวิชาในโลก!!! แต่มันเป็นไปแทบไม่ได้เลยถ้าจะทำแบบนั้นคุณอาจจะต้องเล่นเกมส์นี้สัก 10ปีหรือไม่ก็ส่งมรดกต่อให้ลูกให้หลานเล่นต่อจากคุณการเลือกใช้วิชาที่มี ความสัมพันธ์เหมือนกันกับปราณนั้นเป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้นในความเป็นจริง การผสมผสานสกิวของคุณควรจะแบ่งออกเป็น 3ประเภทใหญ่ๆเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานดังนี้

         A. สกิวที่ใช้สร้างความเสียหาย คือ สกิวจากวิชาโจมตีหลักๆที่คุณใช้อยู่ประจำเป็นสกิวโจมตีหวังผลชนิดเอาตาย สกิวประเภทนี้ควรจะสอดคล้องสัมพันธ์กันกับประเภทปราณที่คุณใช้, Status ที่คุณใช้เพื่อให้เกิดความเสียหายสูงสุดต่อศัตรูของคุณเอาชนิดที่ว่าโดนจังๆ นี่รู้เรื่องซึ่งเกี่ยวกับเรื่อง Status เราจะอธิบายในหัวข้อถัดไป
         B. สกิว CC หรือสกิวที่ใช้หยุดคู่ต่อสู้ เช่น สตัน, ล้ม, กระเด็น, ง่อย, ใบ้ ถ้าเป็นไปได้ให้ดีเลยคือควรจะเป็นสกิวที่มาจากวิชาชุดเดียวกันกับสกิวที่คุณ ที่ใช้สร้างความเสียหายเนื่องจาก Cool down ของสกิวจะได้ไม่ทับกันเองสะดวกต่อการใช้งานและตามด้วยการโจมตีด้วยสกิวสร้าง ความเสียหายหวังผลหนักๆ แต่ในบางวิชาของบางสำนักมีสกิวประเภทนี้ค่อนข้างน้อย หรือวิชาที่เราใช้เป็นหลักในการสร้างความเสียหายนั้นไม่มีสกิวชนิดนี้หรือมี แต่น้อยมากใช้ไม่ได้จริงจำเป็นต้องไปหยิบยืมสกิวจากวิชาอื่นเพื่อมาใช้เป็น CC ก็แนะนำว่าจะต้องเป็นสกิวที่ใช้อาวุธประเภทเดียวกันกับสกิวโจมตีสร้างความ เสียหายหลักของเราไม่เช่นนั้นคุณจะต้องมานั่งเสียเวลาเปลี่ยนอาวุธขณะใช้งาน ซึ่งเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก
         C. Utility Skill หรือสกิวที่ใช้สำหรับความสะดวกหรือช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ เช่น ขณะที่เราจะหนี หรือทำให้ศัตรูติด เมา ใช้หวังผลในการเคลื่อนที่หรือหนีมากกว่าจะใช้เพื่อโจมตีศัตรูสกิวประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นวิชาที่มีประเภทเดียวกันกับปราณของเรา หรืออาวุธประเภทเดียวกันกับสกิวโจมตีของเราก็ได้เพราะเราไม่ได้หวังความเสีย หายในการโจมตีศัตรูแต่เราหวังที่จะเอาตัวรอดหรือเพียงแค่ต้องการเพิ่มความ เร็วในการเคลื่อนที่ในสถานการณ์ต่างๆเช่น ทำสปายหรือขโมยตำรา เป็นต้น
โดยตัวอย่างแถบด้านบนแสดงให้เห็นสกิวบาที่ควรสกิวต่างๆครบทั้ง 3 ชนิดเพื่อประโยขน์ในการใช้งานสูงสุดโดยคุณอาจจะสร้างต่างไปจากนี้ลดหลั่นสัด ส่วนของสกิวลงตามความชอบใจและตามสไตล์ที่คุณเล่น
3. ค่า Status ที่จำเป็นในการเสริมความแรงต่อวิชาที่เราใช้
         สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องคำนึงถึงในการเลือกวิชาหรือแนวทางการเล่นของคุณเลย นั่นก็คือค่า Status หลักที่คุณจะใช้บางครั้งแม้ว่าสกิวที่คุณใช้มีประเภทเดียวกันกับปราณที่คุณ ใช้แต่หากว่าสกิวประเภทนั้นใช้ค่า Status หลักไม่ตรงกันกับ Status หลักของปราณก็จะไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับสกิวที่เราใช้ค่ะโดยค่า Status ที่ส่งผลกับวิชานั้นแบ่งเป็นสีๆไปทั้งหมด 3 สีด้วยกันดังนี้

         A. สีแดง ขึ้นกับค่า Brawn
         B. สีฟ้า ขึ้นกับ Breath
         C. สีเขียว ขึ้นกับ Dexterity



โดยบางสกิวนั้นใช้ค่า Status ค่อนข้างจะมั่วบางครั้งเป็นสองสีในสกิวเดียวกันแต่สัมพันธ์กันเช่นสกิวส่วน ใหญ่ที่เป็นโจมตีภายนอก (External) ความแรงมักจะขึ้นกับค่า Brawn และความแม่นจะขึ้นกับค่า Dexterity และสกิวที่ตีเป็นภายใน (Internal) ส่วนใหญ่ความแรงจะขึ้นกับค่า Breath และความแม่นจะไปขึ้นกับค่า Spirit ถ้าเราใช้วิชาที่ค่อนข้างมีสกิวที่มี Status ที่สัมพันธ์กันเราค่อนข้างจะเลือก Status ที่เราจะเน้นได้ง่าย แต่บางครั้งสกิวบางสกิวก็เป็นสองสี สอง Status ที่ขัดแย้งกันไปเลยเหมือนตัวอย่างดังรูปถ้าเป็นแบบนี้คุณจะต้องเลือกอย่างใด อย่างหนึ่งเป็นหลักเท่านั้นโดยจะต้องดูด้วยว่าปราณที่คุณใช้อยู่หนักไปทาง Status ไหนดังเช่นรูปตัวอย่างด้านบนค่ะ ตัวสีเหลืองคือค่าความเสียหายหลักและตัวสีอื่นๆคือค่าความเสียหายที่เพิ่ม ขึ้นจาก Status ของเรา

หมายเหตุ
ในความเป็นจริงไม่เสมอไปที่วิชาที่ตีออกเป็น External จะมีความแรงขึ้นกับค่า Brawn และไม่เสมอไปที่วิชาที่ตีออกเป็น Internal ความแรงจะขึ้นกับค่า Breath ขึ้นอยู่กับเอกลักษณ์เฉพาะของวิชาเพราะฉะนั้นคุณจะต้องใช้ความเข้าใจในการ ตรวจสอบไม่ใช่การจดจำ

3.1 ค่า Status ที่สัมพันธ์กับปราณใช้เป็นดูเป็นชีวิตสบาย
         โอเคเพื่อนๆคงรู้เรื่องค่า Status แล้วทีนี้ก็ต้องดูด้วยว่าค่า Status ของสกิวหรือวิชานั้นๆที่คุณใช้สัมพันธ์กับชนิดและค่า Status หลักของปราณของคุณหรือไม่โดยเราจะยกตัวอย่างเอาไว้ให้คุณมากมายละเอียดยิบ ดังนี้
ตัวอย่าง

ตัวอย่างที่ 1 จากภาพด้านบนแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสกิวที่ใช้กับปราณที่ใช้อย่างดีเยี่ยมที่สุดนั่นคือ
         A. ประเภทสกิวที่ใช้กับประเภทของปราณตรงกัน ได้รับโบนัส 20%
         B. Status ที่ส่งผลต่อความแรงของวิชา ตรงกันกับ Status หลักของปราณ
อธิบายเพิ่มเติม
จากภาพด้านบนสกิว Buddhist Heart Subdues the Devil ใช้ Status ที่สนับสนุนเพิ่มความเสียหายเป็นตัวเลข “สีฟ้า” ซึ่งตัวเลขสีฟ้าขึ้นกับ Status คือ Breath ยิง Breath เยอะยิ่งแรง ซึ่งสัมพันธ์กันกับค่า Status หลักของปราณ Emei Still Walking ที่ให้อัตราการบวกเพิ่มของ Breath อย่างมากทำให้สองวิชานี้สัมพันธ์กันทั้งในแง่ของ “ประเภท” และ Status

ตัวอย่างที่ 2 จากภาพด้านบนแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสกิวกับปราณประเภท “สมดุล” Taichi
         A. ประเภทสกิวที่ใช้กับประเภทปราณไม่ตรงกัน แต่กรณีที่ปราณเป็นชนิด “สมดุล” ทำให้คุณได้รับโบนัสเพิ่มขึ้น 16%
         B. Status ที่ส่งผลต่อความแรงของวิชา ตรงกันกับ Status หลักของปราณ ทำให้สามารถใช้สกิวนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างที่ 3 จากภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสกิวกับปราณที่ผิดชนิดกัน
         A. ประเภทของสกิวที่ใช้กับประเภทของปราณไม่สอดคล้องกันทำให้ไม่ได้รับโบนัส 20%
         B. Status ที่ส่งผลต่อความแรงของวิชา ตรงกันกับ Status หลักของปราณ ซึ่งแม้จะทำให้ได้รับความแรงเพิ่มขึ้นจาก Status แต่การถูกลดโบนัสความแรงลง 20% จากประเภทปราณที่ไม่ตรงกันจึงไม่ควรใช้วิชานี้เป็นวิชาหลักอยู่ดี

ตัวอย่างที่ 4 จากภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสกิวกับปราณที่แม้ประเภทตรงกันแต่ว่า Status หลักไม่ตรงกัน
          A. ประเภทของสกิวกับประเภทของปราณตรงกันทำให้ได้รับโบนัสเพิ่มขึ้น 20%
          B. Status ที่ส่งผลต่อความแรงของวิชา ไม่ตรงกันกับ Status หลักของปราณทำให้เสริมพลังพลังความแรงเพิ่มขึ้นได้น้อย
คำอธิบายเพิ่มเติม
จากรูปบอกก่อนเลยว่ารูปปราณด้านขวาตรง Status นั้นระบบในเกมส์เขียนผิดอยู่ให้สังเกตตัวเหลืองๆด้านล่างแทนจะเห็นว่า ปราณ Meditation นี้มี Status หลักเป็น Brawn, Stamina แต่ว่าวิชาทางด้านซ้ายใช้ตัวเลขเป็น “สีฟ้า” แสดงว่าได้รับโบนัสเสริมความแรงจาก Status คือ Breath แต่ว่าปราณ Meditation นั้นสามารถบวกค่า Breath เพิ่มขึ้นได้จุ๋มจิ๋มนิดเดียวเท่านั้นเอง ทำให้ถ้าคุณใช้สกิวนี้เป็นสกิวหลัก บวก Breath ให้ตายยังไงสกิวก็ไม่แรงขึ้นกว่าที่เป็น

ตัวอย่างที่ 5 จากภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสกิวกับปราณที่ “ผิดมหันต์”
         A. ประเภทของสกิวกับประเภทของปราณไม่ตรงกัน ทำให้ไม่ได้รับโบนัสใดๆเพิ่มขึ้น
         B. Status ที่ส่งผลต่อความแรงของวิชาไม่ตรงกันกับ Status หลักของปราณทำให้เสริมพลังความแรงเพิ่มขึ้นได้น้อย
4. แยกแยะชิ้นส่วนของอุปกรณ์สวมใส่ให้ได้ Status ที่สมดุล
         มาถึงตอนนี้เพื่อนๆคงจะดูกันเป็นแล้วว่า Status อะไรส่งผลยังไงต้องบวกอะไรเพิ่มขึ้นและปราณมีค่าจำกัดในการบวกเพิ่มของ Status อย่างไรบ้างสำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ทราบในข้อนี้เราแนะนำให้อ่านลิงค์นี้ “ความสัมพันธ์ระหว่างปราณกับอุปกรณ์สวมใส่”  

โดยคุณควรรู้ว่าอุปกรณ์สวมใส่ประเภทชิ้นใหญ่ๆอย่างเสื้อ กางเกง สนับแขน สนับขา จะให้ค่า Status ที่เพิ่มขึ้นมาได้มากกว่าเครื่องประดับเพราะฉะนั้นการจัดสมดุลของสวมใส่ให้ อุปกรณ์ชิ้นใหญ่อย่างพวกเสื้อผ้า กางเกงฯ ไปเพิ่ม Status หลักๆ และให้พวกเครื่องประดับเพิ่ม Status รองๆลงมาจะเป็นการจัดสมดุลที่ดีที่สุดในการหาของสวมใส่
5. คำนึงถึงรายละเอียดปลีกย่อยของปราณและวิชา
ปราณบางประเภทมี “เงื่อนไขที่งี่เง่า” มากเป็นพิเศษเช่น ไปเกี่ยวพันธ์กับค่าความดีความชั่วของระบบเกมส์ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยคือ ปราณ 3 ของเส้าหลินที่จะเกิดเอฟเฟคต่อเมื่อคุณมีสถานะเป็น “คนดี” หรือมีสัญลักษณ์ดาวอยู่หน้าชื่อเท่านั้น ซึ่งหากว่าคุณไม่รู้สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณดำเนินชีวิตผิดและต้องมานั่งแก้ กันทีหลังยุ่งยากมากเช่น เล่นเส้าหลินแต่ฆ่าคนเยอะเป็นหัวกะโหลกแล้วต้องมานั่งทำความดีฟื้นค่าดาวที หลังนี่ชีวิตแย่กันเลยทีเดียวเพราะฉะนั้นดูให้ดี โดยคุณสามารถศึกษารายละเอียดของปราณแต่ละสำนักได้อย่างละเอียดจากไกด์แต่ละ สำนักของเราที่ได้ทำไว้ให้โดยมีลิงค์รวมตรงนี้ “แนวทางการเล่นใหญ่ของทั้ง 8 สำนักแห่งยุทธภพ เล่นจริงเจ็บจริง”
6. ลำดับการทะลวงจุดก่อนหลังเพื่อให้เข้ากับวิชาที่เราใช้
การจัดลำดับการทะลวงจุดให้สอดคล้องกับวิชาที่เราใช้จะทำให้ตัวละครของคุณ ไม่เสียเวลาในการทำอะไรผิดพราดโดยคุณสามารถศึกษาการทะลวงจุดได้จากลิงค์นี้ “ทะลวงจุดดูดีๆก่อนมีเซ็ง” โดยหลักๆแล้วส่วนใหญ่จะทะลวงของสำนักตัวเองก่อนแล้วจึงไล่ลำดับความสำคัญลงไปเรื่อยๆตามสายที่เราเล่น
7. อย่าโลภ แต่อย่าขี้เกียจ
การกระทำทุกอย่างที่เป็นกิจวรรตประจำวันจะช่วยให้คุณทะลวงจุดได้รวดเร็ว ยิ่งขึ้น การสปายสำนัก ลงดันเจี้ยนให้ครบทุกรอบในแต่ละอาทิตย์จะทำให้คุณหาของที่จำเป็นต่อการสร้าง ตัวละครของคุณให้เทพขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นเพราะฉะนั้นอย่าขี้เกียจที่จะทำ อะไรซ้ำไปซ้ำมาทุกวันหากคุณคิดจะ “อยู่ยาว” กับเกมส์ 9yin online

Guild wars!!! Credit By เวป itinmod

9Yin online Review: Guild wars!!!
                สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคนหลังจากไกด์นี้ออกไปคิดว่าเกม 9yin online คงจะทำการเปิด Alpha Test ไปแล้วแต่ทางเราก็ยังจะทำไกด์เกมส์ต่อไปเรื่อยๆให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะคะแต่ ความถี่อาจจะน้อยลงเล็กน้อยเพราะว่าทีมงานจะต้องทำการ Review เกมส์อื่นๆด้วยค่ะหวังว่าเพื่อนๆแฟนๆไกด์เกมส์ของเราจะไม่งอลกันนะคะ จุฟๆ วันนี้ทีมงาน iTinMod จะมาพูดถึงเรื่องที่ต่อไปคงจะสั่นสะเทือนยุทธภพใน 9yin online sv.Thai นั่นก็คือ Guild wars แหล่งพลังแห่งการดราม่ามากมายก็เริ่มต้นมาจากกิลด์นี่ล่ะค่ะ แล้วกิลย์วอที่ว่าเนี่ยมันเล่นกันยังไง ประกาศสงครามกิลส์ยังไง วันนี้เราจะมารู้เฟื่องเรื่อง กิววอกันนะคะลุยเลยค่ะ Guild wars!!!
ก่อนจะอ่านเกมส์ไกด์เรื่องนี้เราแนะนำให้คุณอ่านไกด์ที่เราเคยได้ทำเอาไว้ก่อนหน้าเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นนะคะ
“คัมภีร์แห่งกิลย์รู้ก่อนใหญ่ก่อน”
“บ้านกิลด์มีอย่างไรให้อยู่เย็น”     

     

เงื่อนไขการประกาศสงคราม


         1. หัวหน้ากิลย์ที่จะประกาศสงครามได้ต้องมีระดับเลเวลของกิลด์ไม่น้อยกว่า กิลส์เลเวล 2 โดยกิวของคุณจะมีบ้านกิลย์หรือไม่มีก็ได้
         2. ไม่สามารถประกาศสงครามกับกิลย์ที่อยู่ในสถานะ “คุ้มครอง” ได้ โดยปรกติสถานะคุ้มครองจะขึ้นหลังจากกิลด์นั้นๆถูกประกาศสงครามและคงสถานะ “คุ้มครอง” อยู่เป็นระยะเวลา 3 วัน

A. ส่วนของการประมูลสงคราม ปุ่ม "Bid" คือการเริ่มประมูล และ ปุ่ม "View Results" คือการเชคผลการประมูลในแต่ละรอบ 
B. หน้าต่างแสดงข้อมูลและสถานะต่างๆของบ้านกิลด์ที่เราเลือก เช่น เจ้าของปัจจุบัน แต้ม Occupation Siaze เป็นต้น
C. หน้าต่างแสดงบ้านกิลด์โดยรวมทั้งหมด และสถานะในขณะนั้นของแต่ละบ้าน
 รูปนี้หมายถึงบ้านกิลย์ที่ว่างอยู่ยังไม่มีใครครอบครองเป็นเจ้าของ
 รูปนี้หมายถึงบ้านกิลด์แห่งนี้อยู่ในระยะเวลาคุ้มครองไม่สามารถโจมตีได้ หรือ "ประมูลสงคราม" ได้
 รูปนี้หมายถึงบ้านกิวที่สามารถประกาศสงครามด้วยได้ 
 รูปนี้หมายถึงบ้านกิลส์ที่ถูกประกาศสงครามแล้วไม่สามารถ "ประมูลสงคราม" ซ้ำได้อีก
         3. ระยะเวลาประกาศสงครามจะเปิดขึ้นทุกๆวัน ขึ้นกับแต่ละเซิฟเวอร์จะกำหนด และในการประกาศสงครามนั้นหัวหน้ากิลด์จะต้องไปที่ NPC Guild administrator ในเมืองหลักๆได้ทุกเมืองไม่ว่าจะเป็น เฉิงตู ลั่วหยาง ซูโจว จิงหลิง และเลือกส่วนหัวข้อ “การประมูลสงคราม” (bidding)
         4. การประมูลในแต่ละวันจะมีทั้งหมด 3 รอบ ผู้ที่จ่ายเยอะที่สุดในแต่ละรอบจะได้สิทธิ์ในการประกาศสงครามในวันนั้น สรุปคือมีกิลย์ที่มีสิทธิ์จะตีกิวอื่น 3กิลด์ในหนึ่งวันนั่นเอง
         5. “การประมูลสงคราม” สามารถที่จะใช้เงินส่วนตัวหรือว่าเงิน Guild ก็ได้
         6. เมื่อสิ้นสุดการประมูลในแต่ละรอบของการ “ประมูลสงคราม” คุณสามารถที่จะเชคสถานะได้ว่าคุณชนะการประมูลหรือไม่ ถ้าชนะก็ได้ประกาศสงครามถ้าไม่ชนะก็ลุ้นรอบต่อๆไป ถ้าไม่ชนะเลยใจไม่สู้เงินไม่ถึงประมูลจุ๋มจิ๋มก็อย่าไปตีบ้านเค้าเลยค่ะ
         7. หลังจากการ “ประมูลสงคราม” ในรอบสุดท้ายสิ้นสุดลงแล้ว รายชื่อผู้ที่ประกาศสงครามและรายชื่อผู้ถูกประกาศสงครามจะขึ้นประกาศให้ทั่ว ทั้ง Server ได้รับทราบกัน
         8. หากว่าผู้ที่ประมูลสงครามได้ในรอบใดๆนั้นไม่ทำการยืนยันตน เงินที่ประมูลไปจะถูกหักออก 50% และคืนกลับมาให้กับผู้เล่นหรือกิลด์ และผลในการประมูลจะเป็นโมฆะ
         9. หาว่าผู้ที่ประมูลไปแล้วสู้เค้าไม่ได้ก็จะได้รับเงินคืน 100% ในรอบนั้นๆ
เวลาแห่งสงคราม !!!
         1.     เมื่อสงครามได้ทำการประกาศเสร็จสิ้นแล้ว วันรุ่งขึ้นจะเป็นเวลากิลย์วอโดยเวลาวอจะขึ้นกับแต่ละเซิฟเวอร์จะตั้งตาม ความสะดวกของผู้เล่นเช่น ในไทยก็อาจจะเป็นเสาร์อาทิตย์ตามเวลาที่ทางผู้ให้บริการเห็นสมควร แต่จะมีเวลาที่แน่นอนเช่นในเซิฟเวอร์อินเตอร์จะเริ่มขึ้นเวลา 19.40 -21.00 ของทุกวัน
         2.     เมื่อสงครามเริ่มขึ้นจะมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 10 นาที จากเวลา 19.30 – 19.40 ซึ่งในช่วง 10 นาทีนี้กิลย์อื่นๆที่ไม่ใช่กิลย์พันธมิตรของเรา กิลย์ศัตรู หรือกิลด์พันธมิตรของศัตรูจะไม่สามารถเข้าเขตของบ้านกิวที่ถูกประกาศสงคราม ได้
         3.     ในช่วงเวลาเตรียมตัว 10 นาทีนี้กิลย์ต่างๆสามารถที่จะใช้ “พลุสัญญาณ” ในการเรียกสมาชิกกิลด์ต่างๆเข้ามาในเขตพื้นที่สงครามได้ โดยคุณสามารถหาซื้อ “พลุสัญญาณ” ได้ที่ NPC Guild War Administrator ตัวที่เราใช้ประกาศสงครามนั่นแล
กฎต่างๆในสงคราม

         1. ในช่วงเริ่มต้นสงคราม หัวหน้ากิลด์ฝ่ายป้องกันจะทำการเลือกซ่อนที่ตั้งของ “King seat” โดยจะซ่อนอยู่ในห้องลับใต้ดิน 1 ใน 4 ทิศตามภาพด้านบน แต่ถ้าหากว่าหัวหน้ากิลย์ไม่เลือกที่จะตั้งระบบจะทำการแรนดอมให้เอง
         2. ในช่วงสงคราม map ที่เปิดขึ้นในระหว่างสงครามจะแสดงจุดของสถานที่ต่างๆที่ “ถูกเผา” “กำลังดับไฟ” และจุดของ “สาวใช้” ต่างๆขึ้นมา

         3. สิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับความเสียหายจะแสดงในแผนที่เป็น “สีเขียว” และสิ่งปลูกสร้างที่กำลังถูกเผาอยู่จะแสดงเป็น “สีแดงสว่างๆ”  และสิ่งปลูกสร้างที่โดนทำลายแล้วก็จะแสดงเป็น “สีแดงเข้ม”
         4. ผู้เล่นฝั่งที่บุกโจมตีจะต้องใช้ “คบไฟ” ในการเผาสิ่งปลูกสร้างต่างๆของบ้านกิลย์ฝั่งป้องกัน จำไว้ว่ายิ่งเผามากแต้มของบ้านศัตรูยิ่งลดลงมากขึ้น แต่ก่อนจะทำการเผาได้จะต้องซื้อคบไฟก่อนนะคะ
         5. ผู้เล่นฝั่งป้องกันจะต้องซื้อถังน้ำเพื่อนำไปช่วยกันดับไฟสิ่งปลูกสร้างถูกเผา
         6. ผู้เล่นฝ่ายโจมตีสามารถที่จะจู่โจมสาวใช้ภายในบ้านกิลย์ระหว่างกิลด์วอได้ และเมื่อ HP ของสาวใช้เหลือ 0 ก็สามารถที่จะลักพาตัวไปได้ (คล้ายๆอุ้มคน) และหลังจากอุ้มผ่านประตูกิลย์ไปแล้วก็สามารถที่จะนำพวกเธอใส่รถม้า ผู้เล่นที่ยิ่งลักพาตัวสาวใช้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะได้ Honor Value มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะมีผลต่อการจัดอันดับของคุณหลังจากจบสงคราม
         7. ผู้เล่นฝ่ายป้องกันสามารถที่จะฆ่าผู้เล่นที่กำลังอุ้มสาวใช้อยู่ได้เพื่อ เป็นการชิงตัวสาวใช้คืน (เหมือนช่วยคนที่ถูกลักพาตัว) ผู้เล่นฝ่ายป้องกันที่ช่วยสาวใช้ได้เยอะก็จะได้ค่า Honor Value ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับตอนจบสงคราม
         8. ผู้เล่นฝ่ายป้องกันสามารถที่จะวางกับดักตามจุดต่างๆของบ้านกิลด์ได้ และสามารถที่จะจ้าง NPC เพื่อใช้ในการรักษาได้อีกด้วย
เงื่อนไขการชนะสงคราม

         1. ทำลายสิงโตหินในบริเวณบ้านกิลย์ที่คุณเข้าไปโจมตีให้ได้ 3 ตัว เมื่อคุณทำลายสิงโตหินได้ครบ 3 ตัวทางลับใต้ดินที่อยู่ใน Main Hall จะเปิดขึ้นเพื่อจะให้คุณเข้าไปทำลาย “King Seat” ที่เจ้าบ้านซ่อนเอาไว้ที่จุดใดจุดหนึ่งใน “ห้องลับใต้ดิน” โดยหากว่าคุณยังไม่ได้ขยาย “อาณาเขต” ของบ้านกิลย์คุณขึ้น ประตูจะเปิดเฉพาะใน Main Hall เท่านั้นแต่ในอนาคตถ้าคุณขยายอาณาเขตของบ้านกิลย์มากขึ้นมีโอกาสที่ประตูที่ เปิดขึ้นจะสุ่มไปเปิดที่อื่นที่ไม่ใช่ Main hall คือใน Righteous Gathering Hall, Cool Pavilion, Treasure Room
         2. หลังจากที่คุณทำลายสิงโตหินและเข้ามาใน “ห้องลับใต้ดิน” เรียบร้อยแล้ว จะมีจุดเทเลพอตออกไปทั้งหมด 4 ประตูด้วยกัน โดยการที่จะทำการเปิดประตูเทเลพอตในทางใต้ดินทิศใดนั้นคุณจะต้องเผาสิ่งปลูก สร้างที่อยู่ตรงกันกับทิศทางของประตูทิศนั้นๆ
                 1. ถ้าเผา Council Hall สำเร็จ ประตูในห้องลับใต้ดินทางทิศเหนือจะเปิดขึ้น
                 2. ถ้าเผา the Treasury สำเร็จประตูในห้องลับใต้ดินทางทิศ ตะวันตกจะเปิดขึ้น
                 3. ถ้าเผา Arena สำเร็จประตูในห้องลับใต้ดินทางทิศใต้จะเปิดขึ้น
                 4. ถ้าเผา Mechanism Room สำเร็จประตูทางทิศตะวันออกจะเปิดขึ้น
         3. การบุกยึด King seat ที่ซ่อนอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งคุณจะต้องวิ่งหามันให้เจอและบุกทะลวงเพื่อทำลาย มันให้ได้และถ้าหากว่าฝ่ายบุกยึดทำลาย King Seat ได้ก่อนที่เวลาของสงครามจะหมดลง ฝ่ายบุกก็จะเป็นฝ่ายชนะ ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นฝ่ายแพ้
ผลของสงครามและแต้มต่างๆของผู้เล่นที่ร่วมสงคราม

        1. หลังจากสงครามจบลงหน้าต่างแจ้งแต้มต่างๆจะเด้งขึ้นมาให้ผู้เล่นที่ร่วมสงครามทุกคนสามารถตรวจสอบได้
        2. โดยส่วนตัวของผู้เล่นที่ร่วมกิลวอ สามารถที่จะเพิ่ม Honor Values ของตนเองได้โดย
                 2.1 ฆ่าผู้เล่นอื่นๆฝ่ายตรงข้าม ได้รับ 5 แต้ม
                 2.2 เผาสิ่งปลูกสร้างของบ้านกิลด์นั้นๆสำเร็จ ได้รับ 20 แต้ม
                 2.3 ลักพาตัว “สาวใช้” ภายในบ้านกิลย์นั้นสำเร็จ ได้รับ 10 แต้ม
                 2.4 ทำลายกับดักต่างๆภายในบ้านกิลส์นั้นสำเร็จ ได้รับ 20 แต้ม
                 2.5 ชิงธงในบ้านกิวนั้นๆสำเร็จได้รับ 100 แต้ม
                โดยแต้มต่างๆที่ผู้เล่นได้รับนั้นจะกลายเป็น Guild contribution ภายในกิลด์ของแต่ละคน โดย Guild Contribution หมายถึงแต้มการมีส่วนร่วมและการช่วยเหลือกิลด์ในด้านต่างๆของสมาชิกแต่ละคน ถ้าใครมีมากก็แสดงว่ามีส่วนช่วยเหลือกิลย์มาก ถ้าใครมีน้อยก็แสดงว่ามีส่วนช่วยเหลือกิวน้อยนั่นเองโดยคุณสามารถเชคแต้ม เหล่านี้ได้ในส่วนของรายชื่อแต่ละคนโดยการกด H ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบดู
เงื่อนไขการเสียบ้าน

                สำคัญมาก เมื่อกิลย์วอจบลงหากคุณแพ้วอ ค่า Occupation Size ของคุณจะลดลงเป็นอัตราคงตัวที่ 30 แต้มและทุกๆสิ่งก่อสร้างภายในบ้านกิลย์ของคุณที่ “ถูกเผาสำเร็จ” รวมถึง “คนใช้ในบ้านกิลย์” ที่ถูกลักพาตัว “สิงโตหิน” ที่โดนทำลาย และสุดท้ายคือ “ธงในบ้านกิลย์” ที่ถูกหัก ล้วนจะรวมหักแต้ม Occupation Size ของกิลย์คุณทั้งสิ้น และเมื่อแต้ม Occupation Size ของบ้านกิลย์คุณเหลือต่ำกว่า 40แต้ม บ้านกิลย์คุณจะแตกและเปลี่ยนมือเป็นของผู้ที่โจมตีบ้านคุณทันทีหลังจบ วอ (นอนวัดกันล่ะค้า)
การซื้อคบไฟ , ถังน้ำ และการลอบเผาบ้านของศัตรู!!!

                สองสิ่งนี้เป็นสองสิ่งสำคัญทีเดียวในการทำสงครามเพราะหากว่าฝ่ายโจมตีไม่มี “คบไฟ” ที่มีความแรงพอในการเผาสิ่งปลูกสร้างของบ้านกิลย์ได้ทันเวลาก็จะทำให้เวลาวอ ยืดยื้อขึ้นไปอีก ต่อไปนี้คือเทคนิคของการหา “คบไฟ” และ “ถังน้ำ” ที่มีความแรงพอ
การซื้อคบไฟ

เลือกหัวข้อ Accept Surprise attack mission เพื่อรับเควส "ลอบจู่โจมบ้านกิลด์"

                ในการซื้อคบไฟนั้นคุณสามารถหาซื้อได้ที่ NPC Surprise Attack Guild Guide ได้ที่เมืองหลักๆทุกเมือง โดยคุณสามารถใช้เงินล่างในการซื้อคบไฟเพื่อนำไปเผาบ้านศัตรูได้ โดยราคาในแต่ละอันจะต่างกันออกไป แต่จะมีเฉพาะอันที่แรงที่สุดเท่านั้นที่คุณจะต้องใช้ “ตั๋ว” ในการซื้อโดยตั๋วนี้ได้จากการที่คุณรับเควส “ลอบเผาบ้าน” ของศัตรูและไปทำให้เสร็จจากนั้นเก็บสะสมตั๋วมาแลก ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าคุณจะตีบ้านกิลย์ศัตรูให้มีประสิทธิภาพคุณจำเป็นจะ ต้องมีการเตรียมตัวพอสมควรเราแนะนำให้คุณใช้ “คบไฟ” อันที่แรงที่สุดราคาอันละ 100 เหลียง รองจากอันที่ใช้ตั๋วแลกค่ะ
การซื้อถังน้ำ

                เหมือนกันเลยกับการซื้อ “คบไฟ” ค่ะแต่ต้องซื้อกับ NPC คนละตัวกันโดย NPC ขายถังน้ำนั้นจะยืนอยู่หน้า Main Hall ของบ้านกิลด์ทุกบ้านซึ่งเราแนะนำให้ซื้ออันแรงที่สุดเช่นกัน คืออันที่ราคา 100 เหลียง อันทีรองจากอันสุดท้ายที่ใช้ตั๋วซื้อ

คำแนะนำ
                ในเรื่องการลอบเผาบ้านศัตรูนั้นจำเป็นต่อทั้งฝ่ายโจมตีและฝ่ายป้องกัน เพราะการลอบเผานั้นจะทำให้เราสามารถเก็บเควสเพื่อซื้อคบไฟอย่างแรงที่สุด และถังน้ำอย่างแรงที่สุดได้ แต่ถ้าไม่มีคนเผาเลยก็ไม่มีคนดับไฟเควสจะไม่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายผลคือทั้ง สองฝ่ายจะไม่มีคบไฟกับถังน้ำชนิดแรงสุดไว้ใช้เรื่องพวกนี้จำเป็นต้องศึกษา เพื่อเตรียมพร้อมให้ดีและทำให้สมดุลเพื่อให้ฝ่ายตนเองได้เปรียบ
พลุไฟและ ป้ายคำสั่งสังหารศัตรู
                NPC Guild War Administrator จะมีสองสิ่งนี้ขายอยู่

                อย่างแรกเลยคือ พลุไฟ ไอเทมชิ้นนี้จะเอาไว้ใช้สำหรับเรียกลูกกิลย์มายังพื้นที่สงคราม สามารถใช้ได้เฉพาะในช่วงเวลา “เตรียมพร้อมสงคราม” เท่านั้น คือในช่วง 10 นาทีก่อนสงครามเริ่มขึ้นนั่นเอง

                ป้ายคำสั่งสังหาร ไอเทมชิ้นนี้เป็นไอเทมที่มีประโยชน์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเอาไว้กันศัตรูจากการที่ศัตรูจะใช้ทริค “จับเข้าคุก” ก่อนกิลด์วอ ป้ายนี้เมื่อหัวหน้ากิวซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้วสามารถนำไปติดตั้งที่ NPC Guild War Administrator ได้เพื่อทำให้ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมงนั้นเราจะฆ่าสมาชิกของกิลส์ศัตรูได้โดยที่เราจะไม่ติดค่า “กรรม” (Infamy) ใดๆโดยระยะเวลาของป้ายแต่ละชิ้นนั้นต่างๆกันแต่ปรกติที่นิยมใช้กันก็แค่ป้าย 1 ชั่วโมงนั่นล่ะค่ะ ป้ายที่ให้ระยะเวลายาวนานมากกว่านี้จะต้องซื้อภายในบ้านกิลด์เท่านั้น โดยกิลด์ที่เราจะทำการติดตั้งป้ายคำสั่งสังหารได้นั้นจะต้องเป็นกิลย์ที่ได้ เพิ่มอยู่ในบัญชี "ศัตรูของกิลด์" ของเราแล้วเท่านั้น

เทคนิค Guild Wars
                ในการสงครามนั้นเทคนิคกลโกงต่างๆนิยมนำออกมาใช้มากวันนี้เราจะมาบรรยายแบบ โลกสวยว่ากิววอเนี่ยเค้าใช้เทคนิคอะไรกันบ้างเพื่เอาชนะศัตรู
         1. พวกมากรุมกระทืบ อันนี้ง่ายๆพื้นๆไม่จำเป็นต้องอธิบายมากก็คือใช้กิลด์พันธมิตรทั้งหมดรุม กระทืบกิลย์เดียวเน้นจำนวนเข้าว่า
         2. เทคนิคติดคุก นิยมใช้กับกิลย์ศัตรูที่มีตัวแข็งๆโดยการให้เอาตัวอ่อนๆของเราไปยั่วโทสะให้ “ตัวจี๊ด” ของกิลด์ศัตรูโกรธจนพรั้งมือฆ่าหัวแดงบ่อยครั้ง พอศัตรูติดกับปุ๊บเราก็ให้ตัวล่อนั้นเพิ่มชื่อของศัตรูตัวที่คุณต้องการจับ ติดคุกลงใน “บัญชีศัตรู” และนำไปตั้งค่าหัวกับ NPC โดยตั้งค่าหัวให้ติดคุกเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจากนั้นก็ให้เอาตัวที่รับสถานะ “มือปราบ” มารุมฆ่าคนนั้นให้ได้เพื่อจับมันไปติดคุกในช่วงระยะเวลากิลด์วอ ก็จะทำให้คุณลดตัวแข็งๆของศัตรูของคุณลงไปได้หนึ่งคน
         3. เทคนิคใจป๊อด วิธีนี้คือการสร้างกิลด์ลูกขึ้นมา 1กิลย์และให้ลูกกิลย์ทุกคนเอาตัวเล็กของตัวเองไปเข้าและอัพกิลด์ให้เป็นเล เวล 2 จากนั้นก็เอาหัวกิลย์เด็กไปทำการ “ประมูลสงคราม” เล็งเป้ามาที่กิลย์ใหญ่ซึ่งเป็นกิลย์หลักเพื่อกันศัตรูคนอื่นๆออกจากการโจม ตีบ้านของคุณในวันนั้นๆ เทคนิคนี้บางคนนิยมใช้แต่ค่อนข้างจะต้องใช้ทุนสูงและเวลาเล่นมากเพราะหากว่า คุณมีกิลย์เด็กและกิลด์ของคุณไม่มีบ้านล่ะก็ คุณจะต้องรักษา “อัตรามาตรฐาน” ของกิลย์เอาไว้โดยการส่งรถม้าให้กับกิวทุกๆวัน แต่ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับคนใจป๊อดไม่ชอบสงครามกลัวเสียบ้านค่ะ
เอาล่ะวันนี้ก็ชี้แจงเรื่อง กิลด์วอ กิลย์วอ กิววอ กิลส์วอ Guild Wars มาได้พอสมควรแล้วทางเราก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านไกด์ของเราค่ะช่วงนี้เกม 9yin online ปิดช่วงอัลฟ่าแล้วใครอยากหาเกมส์อื่นๆเล่นก็ติดต่อแอดมินได้ที่ Facebook Fanpage ของเราได้ที่  http://www.facebook.com/iTinMod เรา จะสรรหาตัวเลือกดีๆมาให้ท่านได้เล่นกันระหว่างรอเกมส์นี้หรือใครขยันอยากจะ ไปลองเซิฟเวอร์อินเตอร์ก็หาทางดั้นด้นกันไปได้ค่ะ ขอให้สนุกกับการเล่นเกมส์ค่ะแล้วอย่าลืมติดตาม Like & Share บทความดีๆของเราด้วยนะคะขอบคุณมากค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก age of wushu.com และ VDO จาก HouseOfLavaGaming

รายละเอียดปลีกย่อยของ “ตำรา” Credit By เวป itinmod

9Yin Online Review: รายละเอียดปลีกย่อยของ “ตำรา”
                ปิด Alpha Test ไปเสียแล้วนะคะกับ 9yin online ไทยเซิฟเวอร์แต่ว่าทีมงาน iTinMod ก็ยังไม่ได้หยุดทำงานค่ะเราจะทำไกด์เกมส์ของเกมส์นี้ต่อไปเพื่อรองรับช่วง Open Beta ที่กำลังจะมาถึงเพื่อนๆจะได้ศึกษาเอาไว้ก่อนเตรียมตัวไปลุย Open Beta ได้อย่างเต็มภาคภูมิ คราวที่แล้วเรานำเสนอเรื่องหนักๆอย่างเรื่องกิลด์วอไปแล้ววันนี้มาเรื่อง เบาๆแบบเป็นเกล็ดคราวรู้โดยทั่วๆไปบ้างเห็นเพื่อนๆหลายคนยังสงสัยเกี่ยวกับ เรื่องปลีกย่อยของตำราต่างๆว่า Manual book กับ Annotation Book คืออะไรใช้ยังไง เย็บเล่มยังไง แผ่นตำราที่ดรอปจากในดันเจี้ยน 0/20 แบบนี้หมายถึงอะไรวันนี้เราจะมาปลิ้นกันให้เพื่อนๆทราบกันค่ะ
ว่าด้วยเรื่องตำราปราณพื้นฐาน
                ในการเรียนปราณพื้นฐานของสำนักอื่นนั้นเราต้องรู้เสียก่อนว่ามีวิธีได้ตำราปราณพื้นฐานของสำนักอื่นยังไงบ้าง
1. “ชนิดเล่มใหญ่”
                วิธีนี้คือการที่เราทำกิจกรรมขโมยตำราและสุ่มได้รับตำราปราณพื้นฐานของสำนัก นั้นๆมาโดยจะแบ่งตำรานั้นๆออกเป็นสามเล่ม ดังนี้

จากรูปด้านบนแสดงให้เห็นว่าการจะได้ตำราพวกนี้มาเราได้แบบสุ่ม เพราะฉะนั้นใครได้เล่ม 1-9 มาก็กดเรียนได้เลยใครได้เล่มอื่นๆถัดๆไปก็ต้องเรียนเล่มแรกๆก่อน โดยการเรียนแต่ละเล่มนั้นจะเป็นการปลดล๊อค “ระดับสูงสุดที่คุณสามารถฝึกได้” (Max lv)
ตัวอย่าง
                หากคุณต้องการเรียนปราณของง๊อบไบ๊ Emei still walking จากตำราในภาพด้านบน คุณจะต้องเริ่มเรียนจากเล่มแรกเสียก่อน โดยเมื่อคุณเรียนเล่มแรกแล้วคุณจะ “สามารถฝึก” ปราณชนิดนี้ไปได้สูงสุดที่ 9 ขั้น และเมื่อเรียนเล่มที่สอง ก็จะสามารถฝึกได้สูงสุดที่ 18 ขั้นแต่การที่คุณจะเรียนเล่มที่สองได้ คุณจะต้องมีระดับสูงสุดที่ฝึกได้ที่ 9 ขั้นเสียก่อน (ไม่จำเป็นต้องฝึกถึงขั้น 9 เพียงแค่ให้ระดับสูงสุดที่ฝึกได้เป็นขั้น9ก็พอ (Max lv)  และภายใต้เงื่อนไขเดียวกันถ้าคุณอยากทำให้ปราณนี้ฝึกได้ไปจนขั้น 30 คุณก็จะต้องเรียนเล่มที่ 3 นั่นเอง
2. “ชนิดแผ่น”
         2.1 แผ่นเล็ก
                
                สำหรับแผ่นเล็กๆแบบนี้เรียกได้ว่าหลายคนคงเคยเจอและไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร เล่มเล็กพวกนี้ได้จากการทำเควส “สายลับ” หรือสปายเควสนั่นเองโดยการจะได้รับเล่มเล็กแบบนี้คุณจะต้องใช้สกิว “ผลัก” (สกิลที่ 2ในขณะทำเควสสายลับ) เมื่อคุณผลักสำเร็จก็มีโอกาสที่เล่มเล็กๆเหล่านี้จะตกลงพื้นและเป็นแสงสีทอง เหลืองอร่ามคุณก็เก็บขึ้นมาซะ แต่ในความเป็นจริงเราก็ใช้วิธีซื้อเอาล่ะค่ะไม่มีใครไปนั่งผลักคนทั้งวันหา จนถึง30 ขั้นหรอก รับซื้อเอาเลยง่ายกว่า โดยเจ้าเล่มเล็กนี้จะทำให้คุณเพิ่ม “ระดับสูงสุดที่ฝึกได้” (Max Lv) เล่มละ 1 ขั้น เช่นถ้าคุณมีระดับสูงสุดอยู่ที่ 5 เมื่อคุณใช้แผ่นเล็กๆนี้ก็จะเป็น 6 7 8 9 ไปตามลำดับค่ะ โดยจริงๆแล้วนอกสำนักนั้นใช้แผ่นเล็กเรียนได้แค่ 30 ขั้น พ่วงท้ายของแผ่นเล็กจะเขียนว่า Small Training Scroll และในรายละเอียดจะเขียนไว้ชัดเจนเลยว่า เรียนได้ 30 ขั้น
         2.2 แผ่นใหญ่

                พวกนี้ดรอปจากการทำสปายเหมือนกันแต่ดรอป “ยาก” โดยแผ่นใหญ่นี้หน้าตาเหมือน “แผ่นเล็ก” ทุกอย่างแต่ต่างกันตรงที่ว่าสามารถกดเรียนได้ตั้งแต่ขั้น 10-36 เลย แต่ในความเป็นจริงคนจะใช้ตอน 31-36 เท่านั้น ก่อนหน้านั้นห้ามใช้เด็ดขาดเพราะว่าหายากมาก โดยวิธีสังเกตคือให้ดูตรงพ่วงท้ายมันจะเขียนว่า “BigTraining Scroll และในรายละเอียดจะเขียนเป็น 36 ขั้นดูดีๆนะคะไม่งั้นเสียม้า
คำแนะนำ
สำหรับปราณชนิดแผ่นๆนั้นเราจะเลือกใช้เมื่อหาซื้อเล่มใหญ่ๆได้ยาก และคนเอามาขายถูกๆเราก็เลือกที่จะซื้อเล่มเล็กๆมาเรียนหลายๆเล่มดีกว่า ลองคำนวณตังค์ดูว่าถ้าซื้อเล่มใหญ่ 2 เล่มกะแผ่นเล็กๆแผ่นอะไรคุ้มกว่ากัน ขึ้นอยู่กะราคาของแต่ละเซิฟเวอร์ หรือคุณอาจจะหาเล่มใหญ่เล่มแรกกะเล่มสุดท้ายได้ แต่หาเล่มใหญ่เล่มสองไม่ได้ก็อาจจะใช้แบบแผ่นไปจนถึง ขั้น 18 และค่อยใช้เล่มสามก็สามารถทำได้ขึ้นกับสถานการณ์ค่ะ
หมายเหตุ
คุณต้องเรียนเล่มใหญ่เล่มแรกขั้น 1-9 ก่อนเท่านั้นจึงจะสามารถใช้เล่มเล็กเรียนต่อไปได้ ไม่สามารถใช้เล่มเล็กเรียนตั้งแต่ขั้นที่ 1 ได้ค่ะ
สำหรับตำราปราณ 2

                สำหรับปราณ 2 นั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือฝากเพื่อนแลกให้ค่ะ โดยให้เพื่อนของเราที่อยู่ในสำนักอื่นนำป้ายทองไปแลกเป็น “เล่มเล็ก” โดยเล่มเล็กแต่ละเล่มจะมีขั้นของมันกำกับอยู่เป็น Basic 1-9, Advance 1-9, Intermediate 1-12, Expert 1-6 โดยราคาของแต่ละขั้นดังนี้
Basic 1-9 สามารถเรียนปราณ ขั้นที่ 1 ถึง 9 ได้ใช้ 15ป้ายทองต่อขั้น
Advance 1-9 สามารถเรียนปราณ ขั้นที่ 10 ถึง 18 ได้ใช้ 20ป้ายทองต่อขั้น
Intermediate 1-12 สามารถเรียนปราณขั้นที่ 19 ถึง 30 ได้ใช้ 20ป้ายทองต่อขั้น (นอกสำนักเรียนได้แค่ถึงตรงนี้แต่จริงๆแล้วมีวิธีทำให้เรียนได้ครบทั้ง 36 ขั้นแต่ยากมากซึ่งเราจะอธิบายแยกไปในอนาคต)
Expert 1-6 สามารถเรียนปราณขั้นที่ขั้นที่ 31 ถึง 36 ใช้ 100ป้ายทองต่อขั้น (สำหรับคนในสำนักเดียวกันกับปราณเท่านั้นที่กดเรียนระดับ 31-36 ได้)
คำแนะนำ
           
                ปรกติแล้วป้ายทองจะไม่สามารถเทรดกันได้แต่เพื่อนๆสามารถทำให้มันเทรดได้ด้วย การแพ๊คมันใส่กล่อง โดยสามารถแพ๊คใส่กล่องได้ทีละ 100 ป้าย โดยเพื่อนๆสามารถแพ๊คป้ายทองใส่กล่องเพื่อทำให้ซื้อขายหรือ เทรดให้คนอื่นได้ที่ NPC แลกตำราปราณ 2 ของสำนักตัวเองค่ะ โดยใช้ไอเทมในการแลกคือ ป้ายทอง 100 ป้ายและ สายลวดทอง  ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ NPC ตัวเดียวกันโดยคุณอาจจะทำการแพ๊คป้ายทองแล้วก็ส่งให้เพื่อนไปช่วยแลกให้ก็ได้แฟร์ดีค่ะ
สำหรับตำราปราณ 3

                สำหรับปราณ 3 นั้นคล้ายคลึงกับปราณ 2 โดยการฝากเพื่อนทำเหมือนกันแต่มีเงื่อนไขมากขึ้นมานิดหน่อยตรงที่ว่า เพื่อนที่จะเป็นคนแลกให้เราจะต้องทำเควส โดยการซื้อ “ป้ายรับเควส” ที่ NPC เหมือนตอนที่หาปราณ 3 ประจำสำนักตัวเองทุกอย่าง จากนั้นพอทำเควสเสร็จก็จะได้ ตำราปราณเล่มเล็กมาเหมือนปราณ 2 คือ เรียนได้เล่มละ 1 ขั้น 1 2 3 4 5 ไปเรื่อยๆเพราะฉะนั้นจะฝากเพื่อนหาก็ต้องเอาป้ายทองให้เพื่อนพร้อมช่วย เพื่อนทำเควสด้วยแต่ว่าเควสแต่ละสำนักก็ไม่เหมือนกันอีกขึ้นกับว่าสำนักอะไร ค่ะ และปราณขั้น 32-36 คุณจะต้องใช้เล่มเล็กๆที่ได้จากการทำเควส “ป้ายรับเควส” ของขั้น 31 เยอะมากๆเพราะต้องแลกสูงขึ้นไปเรื่อยๆ (เหนื่อยจิตกันเลยทีเดียว) โดย NPC ที่ใช้แลกในแต่ละสำนักมีหลายตัวแต่ว่ากระจายๆกันไปต้องลองวิ่งๆหาดูค่ะหาไม่ ยาก
ป้ายรับเควสระดับ Basic 1-9 สามารถเรียนปราณ ขั้นที่ 1 ถึง 9 ได้ใช้ 15ป้ายทองต่อขั้น
ป้ายรับเควสระดับ Advance 1-9 สามารถเรียนปราณ ขั้นที่ 10 ถึง 18 ได้ใช้ 20ป้ายทองต่อขั้น
ป้ายรับเควสระดับ Intermediate 1-12 สามารถเรียนปราณขั้นที่ 19 ถึง 31 ได้ใช้ 20ป้ายทองต่อขั้น
ปราณ 3 ขั้น 32-36

สำหรับปราณ 3 ขั้น 32-36 คุณจะต้องแลกเป็นขั้นๆไปดังนี้
ปราณขั้น 32 ต้องการ ปราณขั้น 31 2เล่มเล็ก
ปราณขั้น 33 ต้องการปราณขั้น 32 2เล่มเล็ก
ปราณขั้น 34 ต้องการปราณขั้น 33 2เล่มเล็ก
ปราณขั้น 35 ต้องการปราณขั้น 34 2เล่มเล็ก
ปราณขั้น 36 ต้องการปราณขั้น 35 2เล่มเล็ก
เป็นไงคะแค่เรื่องปราณก็ท้อแล้วหรือเปล่า เอาล่ะไปดูเรื่องอื่นๆกันต่อค่ะ
ว่าด้วยเรื่องของ “วิชา”
                ในหัวข้อนี้เราจะสอนให้คุณดูตำราวิชา แผ่นตำรา ต่างๆที่เกี่ยวกับ “วิชา” เท่านั้นค่ะ
1. ตำราสกิลของแต่ละวิชา ชนิดเล่มเล็ก

ตำราสกิวแต่ละสกิลนั้นจะแบ่งออกเป็นขั้นๆไปโดยผู้เล่นนอกสำนักของวิชา นั้นๆจะสามารถเรียนได้สูงสุดที่แค่ ขั้น 4 ไม่สามารถเรียนไปสูงกว่านี้ได้เพราะฉะนั้นในตลาดที่ขายตำราสกิวพวกนี้จมี เพียงแค่ (1) (2) (3) (4) เท่านั้นโดยคุณจะต้องเรียนขั้นที่ 1 ก่อนถึงจะเรียนขั้น 2 3 4 ไปได้ตามลำดับโดยขั้นที่ว่านี้คือ Max Lv ของสกิลนั้นๆที่คุณสามารถฝึกได้

                รูปด้านบนแสดงถึงวิธีดูระดับขั้นของสกิวนั้นๆที่คุณสามารถฝึกได้

2. ตำราสกิวของแต่ละวิชา ชนิดรวมเล่ม (Martial Arts Collection)

คือการนำเล่มเล็กๆแบบด้านบนมารวมกันเพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บเท่า นั้น หรือคือการรวมสกิวเล่มเล็กที่เรามีให้มันอยู่ในกล่องเดียวกันนั้นแล โดยการรวมแบบนี้ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์เพื่อรวมไว้เรียนแต่อย่างใด เพราะหากว่าคุณรวมแบบสมบูรณ์ 1 2 3 4 มันจะกลายเป็น “ตำราสกิลเล่มสมบูรณ์” ซึ่งไม่จัดอยู่ในหมวดหมู่ประเภทนี้
หมายเหตุ                           
โดยคุณจะต้องสังเกตให้ดีถ้าสกิวรวมเล่มที่คุณซื้อมามันไม่มีขั้นที่ 1 รวมอยู่ด้วยคุณจะไม่สามารถเรียนมันได้ถ้าหากคุณไม่เคยเรียนสกิลขั้นที่ 1 มาก่อนดั่งภาพด้านบนแบบนี้คุณซื้อมาก็เรียนไม่ได้ค่ะ และต่อให้มีสกิวขั้นที่ 1 รวมอยู่ด้วยแต่ขาดกลางไประหว่างขั้นอย่างเช่น 1 3 4  แบบนี้ก็เรียนไม่ได้ค่ะจะต้องซื้อแล้วเอาไปแยกเป็นเล่มเล็กแล้วกดเรียนไปที ละขั้น
3. เศษชิ้นส่วนตำราวิชา (Martial Arts Fragment)

พวกนี้ทำเพื่อนๆงงกันหลายคนเศษชิ้นส่วนวิชาพวกนี้มักจะได้จากการสุ่มได้ จากไอเทมมอล หรือไม่ก็ดรอปจากในดันเจี้ยนโดยเมื่อเราได้มาเราจะสังเกตได้ว่ามันจะมีคำว่า Number: 1/10 อันนี้คือเมื่อคุณเก็บชิ้นส่วนชื่อเดียวกันได้ครบทั้ง 10 ชิ้นคุณสามารถที่จะไปรวมเป็นเล่มเล็กสกิวใดสกิลหนึ่งในวิชาชุดนี้ได้ โดยเล่มเล็กที่ได้รับมาจะเป็นการ “สุ่ม” ไม่ว่าจะเป็นสุ่มสกิว หรือขั้นของสกิล แต่คือจะสุ่มอยู่ในชุดวิชาเดียวกันกับชื่อของชิ้นส่วนที่นำมารวมเท่านั้น ซึ่งการรวมเราจะกล่าวถึงต่อไป
ตัวอย่าง
จากภาพด้านบนคือเศษชิ้นส่วนตำราวิชา “Snow Through Cloud Palm” เมื่อคุณได้เศษชิ้นส่วนนี้ครบทั้ง 10 ชิ้นก็นำไปรวมที่ NPC หรือให้เพื่อนที่เรียนศิลปะ “เขียนภาพ” หรือ “เขียนอักษร” รวมให้คุณก็จะได้เป็น สกิวเล่มเล็กๆซึ่งจะสุ่มมา 1 สกิลจากวิชาทั้งชุด และสุ่มขั้นของสกิวมาด้วย
4. ตำรา “ตำราสกิลลับ” และ “ตำราสกิลเล่มสมบูรณ์” “ตำราสกิลสำนักระดับสูง”
ตำราในหมวดหมู่นี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ              

         4.1 “ตำราสกิลเล่มสมบูรณ์” คือได้จากการที่คุณรวม สกิวเล่มเล็กเข้าด้วยกัน 1, 2, 3, 4 เข้าด้วยกันจะกลายเป็นสกิลเล่มสมบูรณ์ดั่งภาพด้านบนคือกดเรียนครั้งเดียว สามารถที่จะฝึกไปจนถึงขั้นที่ 4 ได้เลยโดยไม่ต้องมานั่งใช้เล่มเล็กทีละเล่ม

         4.2 “ตำราสกิลลับ”  คือ ตำราสกิลเล่มสมบูรณ์ที่ดรอปจากดันเจี้ยนต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสกิวของบอส โดยส่วนใหญ่เรียนได้มากกว่า 1 ขั้น เช่นสามารถเรียนจาก 1-3 ได้เลยจากการกดใช้เพียงครั้งเดียว

         4.3 “ตำราสกิลสำนักระดับสูง” ปรกตินั้นเรา สามารถจะฝึกวิชาของสำนักเราเองไปจนถึงระดับขั้น 5 ได้ แต่ในแพทหลังๆนั้นเราสามารถที่จะฝึกให้สูงขึ้นไปได้อีก โดยปัจจุบัน NA อยู่ที่ระดับ 7 ซึ่งวิธีได้มาเราจะพูดถึงในไกด์เกมส์ครั้งต่อๆไป
ว่าด้วยเรื่อง Annotation Book และ Skill Manual
                ทั้ง Annotation Book และ Skill Manual คือ “อุปกรณ์สวมใส่” ชนิดหนึ่งไม่ใช่ตำราเรียนวิชานะคะอย่าสับสนโดยช่องที่ใช้ใส่ทั้งสองสิ่งนี้ เมื่อคุณกดC ขึ้นมาในหน้าต่างอุปกรณ์สวมใส่จะเป็นช่องที่อยู่ใต้ “แหวน” ของเรานั่นเองโดยเมื่อคุณสวมใส่สิ่งของทั้งสองชนิดนี้แล้วจะเกิดเอฟเฟคขึ้น กับตัวละครของคุณเหมือนอุปกรณ์สวมใส่ชิ้นหนึ่ง
1. Annotation Book

จากภาพด้านบนด้านซ้ายคือ Annotation ที่ยังไม่ได้รับการอ่าน ด้านขวาคือที่อ่านแล้ว

                อุปกรณ์ชนิดนี้คืออุปกรณ์รูปหนังสือสีฟ้า ที่จะระบุชื่อวิชาเอาไว้ด้วย โดยการเลือกซื้อก็ต้องเลือกให้ถูกกับวิชาที่คุณใช้จากนั้นนำไปให้ผู้ที่ เรียนสกิว “เขียนภาพ” ในการอ่านจึงจะเกิดผลของมันถ้าไม่มีคนอ่านให้ก็จะกลายเป็นอุปกรณ์โง่ๆชิ้น หนึ่งที่ไม่บวกอะไรเลยโดยแต่ละส่วนสำคัญของคำอธิบาย Annotation Book มีดังนี้
         A. ชื่อของชุดวิชาที่อุปกรณ์ชิ้นนี้สนับสนุน
         B. เอฟเฟคต่างๆที่อุปกรณ์ชิ้นนี้ให้เมื่อได้รับการอ่านจากผู้ที่เรียนศิลปะ “เขียนภาพ” เรียบร้อยแล้ว
         C. เงื่อนไขต่างๆของอุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังสามารถอ่านได้อีกกี่ครั้ง,Exp ของผู้ที่เรียนศิลปะ “เขียนภาพ” จะได้รับเมื่ออ่านอุปกรณ์ชิ้นนี้, ชื่อของผู้ที่อ่านเป็นคนแรก
โดยเมื่อคุณอ่านครบจำนวนครั้งเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์ชนิดนี้ยังมีโอกาสที่จะสุ่มบวกพลังโจมตีของสกิวภายในชุดวิชาที่มัน สนับสนุนอีกด้วย ตัวอย่างเช่นในภาพด้านบนคือ เพิ่มพลังโจมตีของสกิว Blood Frozen in Seven Steps +10%
2. Skill Manual

จากภาพด้านบนด้ายซ้ายคือ Skill Manual ที่ัยังไม่ได้อ่าน ด้านขวาคือที่อ่านแล้ว

อุปกรณ์สวมใส่ชนิดนี้ใช้สวมใส่ช่องเดียวกันกับ Annotation Book แต่มันจะเปลี่ยนจากสนับสนุนวิชา ไปสนับสนุน “ปราณ” แทน โดยเมื่อคุณอ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วมันจะสุ่ม ชนิดปราณที่สนับสนุน และเพิ่มค่า Status ให้แต่ถ้าสุ่มออกมาไม่ตรงกับปราณที่เราใช้ก็ง่อยค่ะ โยนทิ้งโลดเลยโดยคำอธิบาย Skill Manual ในส่วนสำคัญๆต่างๆมีดังนี้
         A. ชื่อปราณที่อุปกรณ์ชนิดนี้สนับสนุน
         B. เอฟเฟคต่างๆที่อุปกรณ์ชิ้นนี้ให้เมื่อได้รับการอ่านจากผู้เรียนศิลปะ “เขียนอักษร” เรียบร้อย
         C. เงื่อนไขต่างๆของอุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังสามารถอ่านได้อีกกี่ครั้ง,Exp ของผู้ที่เรียนศิลปะ “เขียนอักษร” จะได้รับเมื่ออ่านอุปกรณ์ชิ้นนี้, ชื่อของผู้ที่อ่านเป็นคนแรก
โดยเมื่อคุณอ่านครบจำนวนครั้งเรียบร้อยแล้วอุปกรณ์ชิ้นนี้จะไปลดอัตราการ ใช้ Cultivation point ในการฝึกปราณนั้นๆที่มันสนับสนุนทำให้ใช้ Cultivation point น้อยลงเป็น % และสุ่มชนิดปราณและเพิ่มค่า Status ให้แต่ถ้าสุ่มออกมาไม่ตรงกับปราณก็ขายทิ้งโลด (เหมือนกันกับตอนออพชั่นพวกเสื้อ กางเกงนั่นล่ะค่ะ)
3. เศษชิ้นส่วน Annotation Book และ เศษชิ้นส่วน Skill Manual

คล้ายๆกันกับ “เศษชิ้นส่วนตำราวิชา” แต่จะแตกต่างกันตรงที่ว่าคุณจะต้องใช้จำนวน 20 ชิ้นในการรวมกันโดยสังเกตง่ายๆเลยคือถ้ามันเป็นชิ้นส่วน Annotation หรือชิ้นส่วน skill Manual มันจะมีเขียนไว้ชัดเจนเลยที่ชื่อของมันเลยค่ะ
คำแนะนำ
ในการให้คนที่มีสกิลศิลปะ "เขียนภาพ" และ "เขียนอักษร" อ่านนั้นทำได้สองวิธี วิธีแรกคือต้องส่งหนังสือไปให้คนๆนั้นอ่าน และจะต้องไม่ใช่คนอ่านซ้ำคนกันไม่งั้นอ่านไม่ได้ค่ะ ถ้ามันบอกว่าต้องอ่าน 3 ครั้งคือคุณจะต้องใช้คนที่มีวิชาศิลปะประเภทนี้ 3 คน ใช้คนเดียวอ่านไม่ได้ แต่ถ้าคุณเผลอสวมใส่ไปแล้วมันจะไม่สามารถเทรดได้คุณก็จะต้องให้เพื่อนของคุณ ที่มีสกิวศิลปะพวกนี้ "เปิดบริการ" และคุณก็เข้าไปคลิกขวาที่ตัวเขาและขอรับบริการจากเขาแทนค่ะ
ว่าด้วยเรื่องของการรวมเล่มต่างๆ

ในการรวมเล่ม แยกเล่ม ต่างๆคุณสามารถรับบริการได้ 2 วิธีใหญ่ๆคือที่ NPC และผู้เล่นที่เรียนศิลปะ “เขียนภาพ” และ “เขียนอักษร” มาแต่วิธีการที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือการรับบริการจาก NPC โดยเราจะมาแยกให้เพื่อนๆดูกันอย่างละเอียดว่าแต่ละโหมดทำงานอย่างไร

ให้คุณไปที่หา NPC ที่สอนศิลปะ “การเขียนภาพ” หรือ “การเขียนอักษร” ในเมืองใหญ่ต่างๆดั่งภาพแผนที่ด้านบนจากนั้นเลือกที่จะรับบริการการเย็บเล่ม ต่างๆดั่งภาพ โดย NPC ทั้งสองมีบริการเหมือนกันเลือกตัวไหนก็ได้ค่ะ
บริการต่างๆของ NPC
1. รวมเล่ม

                โหมดนี้คือการนำ “ตำราสกิลของแต่ละวิชา ชนิดเล่มเล็ก” มารวมกันเป็น “ตำราสกิลของแต่ละวิชา ชนิดรวมเล่ม” หรือถ้ารวมครบทุกเล่มก็จะกลายเป็น “ตำราสกิลเล่มสมบูรณ์” วิธีก็ง่ายๆโยนเล่มเล็กเข้าไปในช่องรอบๆแล้วก็กด “รวม” ที่มุมขวาล่าง
2. แยกส่วน

                ตรงกันข้ามกับหัวข้อด้านบน หัวข้อนี้ใช้สำหรับแยก"ตำราสกิวของแต่ละวิชาชนิด รวมเล่ม" ไปเป็น “ตำราสกิลของแต่ละวิชา ชนิดเล่มเล็ก” แต่หัวข้อนี้ไม่สามารถแยกส่วน “ตำราสกิลเล่มสมบูรณ์” ได้ วิธีก็ง่ายเช่นกันโยนไปกด “แยก” ที่มุมขวาล่างปุ๊บเสร็จค่ะ
3. รวม “เศษชิ้นส่วนตำราวิชา”

                ในหัวข้อนี้คือการที่คุณนำ “เศษชิ้นส่วนตำราวิชา” ต่างๆมาทำการรวมเข้าด้วยกันโดยคุณจะต้องใช้เศษชิ้นส่วนที่มีชื่อเดียวกันทั้งหมด 10 ชิ้นด้วยกัน และเมื่อรวมเสร็จแล้วมันจะกลายเป็น “ตำราสกิลของแต่ละวิชา ชนิดเล่มเล็ก” แบบ สุ่มสกิลในชุดวิชานั้นๆ และสุ่มขั้นของสกิวด้วยค่ะ วัดดวงกันไปนะคะได้เล่ม 1 ก็รวยไป ได้เล่มอื่นก็ เอิ่ม เก็บสะสมไว้หรือไม่ก็ขายค่ะ หะหะ
4. รวม “เศษชิ้นส่วน Annotation Book และ เศษชิ้นส่วน Skill Manual

หัวข้อนี้คือการนำ “เศษชิ้นส่วน Annotation Book และ เศษชิ้นส่วน Skill Manual” ที่มีชื่อเดียวกันทั้งหมด 20 ชิ้นมารวมเป็นอุปกรณ์สวมใส่ประเภท Annotation Book และ Skill Manual
5. ตีความ Annotation Book และ Skill manual


        ในส่วนนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์สวมใส่ประเภท Annotation Book และ Skill Manual โดยคุณสามารถดูตัวเปรียบเทียบได้จากภาพด้านบน โดยภาพทางซ้ายคือภาพของอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้ทำการตีความ สังเกตในวงแดงๆนะคะว่า จำนวนครั้งที่คุณสามารถให้ผู้ที่มีสกิลศิลปะนั้นๆอ่านได้จะต่างกัน โดยสูงสุดที่ทำการตีความได้คือ 6 ครั้ง ยิ่งอ่านมากครั้งเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มความสามารถมากขึ้นเท่านั้น โดยการรวมตรงนี้คือคุณจะต้องใช้อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้ผ่านการอ่านมาก่อน สองชิ้น มารวมเข้าด้วยกัน ก็จะได้ระดับครั้งการอ่านเพิ่มขึ้น จาก 3 เป็น 4 และใช้เล่มที่เป็น 4 แล้วไปรวมกับเล่มธรรมดาอีก ก็จะเป็น 5 เป็น 6 ตามลำดับ
เอาล่ะหมดพลังเขียนเรื่องนี้ใช้เวลาเกือบ 8 ชั่วโมงทีเดียวขอตัวไปนอนก่อนแล้วล่ะจ้า แล้วพบกันได้ใหม่กับไกด์เกมส์คุณภาพคับเพจของเราในคราวหน้าค่ะโดยเพื่อนๆ สามารถติดตามไกด์เกมส์ดีๆแบบนี้ได้ผ่านทาง Facebook Fanpage ของเรา  http://www.facebook.com/iTinMod และสุดท้ายฝาก Like & Share เป็นกำลังใจให้ทีมงาน iTinMod ด้วยนะคะขอบคุณที่ติดตามค่ะ